วันพฤหัสบดีที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ซากสัตว์ขนาดยักษ์เกยตื้นชายหาดสกอตแลนด์

เดลิเมล์ - สามีภรรยาคู่หนึ่งแทบไม่เชื่อสายตาตนเอง หลังพบซากสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ยาวกว่า 30 ฟุต เกยตื้นอยู่บนชายหาดแห่งหนึ่ง แต่ผู้เชี่ยวชาญคาดน่าจะเป็นซากของวาฬที่ตายมานานแล้ว

มาร์กาเรตและนิค ฟลิปเพนซ์ ซึ่งอาศัยอยู่ละแวกใกล้เคียง พบสิ่งที่น่าอัศจรรย์นี้ขณะที่พวกเขากำลังจูงสุนัขวิ่งออกกำลังกายบนชายหาดบริดจ์ ออฟ ดอน ในอะเบอร์ดีน โดยทาง นิค ฟลิปเพนซ์ วัย 59 ปี เล่าว่า “เราถึงกับตะลึงเลย ผมคิดว่า พระเจ้า นี่มันตัวอะไรกัน”

ซากสัตว์ประหลาดตัวนี้มีลักษณะโค้งงอความยาวราว 30 ฟุต และสามารถระบุชัดว่าตรงไหนเป็นส่วนหัวหรือหางและมองเห็นร่องฟันอย่างชัดเจน

เวลานี้ผู้เชี่ยวชาญอยู่ระหว่างตรวจสอบภาพดังกล่าว โดยหนึ่งในข้อสันนิษฐานนั้นคือมันอาจเป็นซากของวาฬ

โฆษกของพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ทางธรรมชาติบอกว่า “เราพูดคุยกับพวกภัณฑารักษ์ฝ่ายสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมของเรา และพวกเขายืนยันว่ามีความเป็นไปได้ที่สัตว์ตัวนี้อาจเป็นวาฬนำร่องครีบยาว ไม่ใช่เรื่องปกติที่มันเกยตื้นบนชายหาดแห่งนี้”

รอด เดวิลเล ผู้เชี่ยวชาญด้านชีวิตสัตว์ทะเลของสวนสัตว์ลอนดอนบอกว่ามีความเป็นไปได้ที่ซากดังกล่าวเป็นซากของวาฬเพชรฆาตหรือวาฬนำร่องขนาดเล็ก ขณะที่ มาร์ค ซิมมอนด์ส ผู้เชี่ยวชาญวาฬ เปิดเผยกับเดอะซันว่า “มันคงตายมานานแล้วและกระแสน้ำอาจซัดซากของมันมาเกยตื้นบนชายหาด”


***************************************************
ที่มาข้อมูลและภาพ
ASTVผู้จัดการออนไลน์  21 กรกฎาคม 2554 05:08 น.
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9540000089643
Read more >>

วันอังคารที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

นักวิชาการเตือนพิษจากเต่าทะเล อันตรายถึงชีวิต

พบชาวภูเก็ต กินเต่าทะเล 3 ราย นักวิชาการเตือนสารพิษร้ายแรง ไม่สามารถทำลายด้วยความร้อนได้ แนะควรติดป้ายเตือน “เต่าทะเล” เป็นสัตว์มีพิษห้ามรับประทาน

น.ส.กุสุมา สว่างพนธุ์ นักวิชาการชำนาญการ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ภูเก็ต นำเสนอผลการศึกษา เรื่อง “การรับประทานเต่ากระกับการป่วยและเสียชีวิตในชุมชนไทยใหม่ จ.ภูเก็ต ปี 2553” ในการสัมมนาระบาดวิทยาแห่งชาติ ครั้งที่ 21 ภายใต้เรื่อง “ระบาดวิทยากับความท้าทายจากภัยสุขภาพโลกที่อุบัติใหม่” ว่า

ที่มาของภาพ
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=12641.0
งานระบาดวิทยา สสจ.ภูเก็ต ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่กลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ ว่า มีผู้เสียชีวิตจากการรับประทานเต่าทะเล จำนวน 3 ราย และมีผู้ป่วยอีกหลายรายในหมู่บ้านไทยใหม่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต จึงได้ดำเนินการสอบสวนโรค เพื่อยืนยันการววินิจฉัยและศึกษาลักษณะการเกิดการกระจายของโรค ดำเนินการโดยการรวบรวมข้อมูลประวัติการรักษาของผู้ป่วยจากโรงพยาบาลและสถานีอนามัย สัมภาษณ์ข้อมูลการรับประทานเต่ากระในชุมชนไทยใหม่ จำนวน 861 ราย ผู้ที่เข้าข่ายเป็นผู้ป่วยจะต้องมีอาการอย่างน้อย 2 อาการ คือ แสบปาก ชาบริเวณปาก เจ็บคอ กลืนลำบาก คลื่นไส้ อาเจียน แน่นหน้าอก ซึมหมดสติ ระหว่างวันที่ 4-25 มิ.ย.จนทราบผลที่แน่ชัดทั้งประวัติการกินและผลทางห้องปฏิบัติการ

น.ส.กุสุมาฯ  กล่าวด้วยว่า จากผลการศึกษา พบผู้ป่วย จำนวน 48 ราย เสียชีวิต 3 ราย อัตราป่วยตาย ร้อยละ 6.25 ผุ้ป่วยอายุระหว่าง 12-80 ปี ผู้ป่วยที่ไม่ได้รับการรักษาที่สถานพยาบาล จำนวน 25 ราย อาการที่พบมากที่สุด คือ เจ็บคอ ร้อยละ 87.50 แสบปาก ร้อยละ 72.92 ปากชา ร้อยละ 33.33 และคลื่นไส้ อาเจียน ร้อยละ 31.25 ระยะฟักตัว 2 ชั่วโมงถึง 11 วัน ในจำนวนผู้ป่วยทั้งหมด มีผู้ป่วย 46 ราย มีประวัติรับประทานอาหารที่ปรุงจากเต่ากระตัวเดียวกัน ระหว่างวันที่ 4-5 มิถุนายน อีก 2 ราย ดูดนมแม่ที่รับประทานเต่ากระ อัตราป่วยในกลุ่มผู้ที่รับประทานเต่ากระเท่ากับร้อยละ 48.48

นักวิชาการกล่าวอีกว่า ทั้งนี้ เต่ากระเป็นสัตว์ทะเลที่มีสารพิษ เรียกว่า Chelonitoxism ซึ่งไม่สามารถทำลายด้วยความร้อน สามารถผ่านทางน้ำนมส่งผลต่อทารกที่ดูดนมแม่ได้ ดังนั้น หนทางที่สามารถเตือนภัยแก่ประชาชนได้ น่าจะมีการประชาสัมพันธ์การห้ามจับสัตว์ทะเลอนุรักษ์ และป้ายแจ้งเตือนว่า มีพิษห้ามนำมารับประทานอาจทำให้เสียชีวิตได้


**********************************************
ที่มาข้อมูล
ASTVผู้จัดการออนไลน์ 19 กรกฎาคม 2554 07:37 น.
Read more >>