จากเหตุการณ์เรือไดว์วิ่ง หรือเรือพานักท่องเที่ยวดำน้ำดูปะการัง “เรือโชคสมบูรณ์ 19” ของบริษัท ไดว์เอเซีย จำกัด ถูกคลื่นยักษ์ซัดล่มจมสู้ก้นทะเลอันดามัน ห่างจากแหลมพรหมเทพ ต.ราไวย์ อ.เมืองภูเก็ต ราว 12 ไมล์ทะเล เมื่อคืนวันที่ 9 มี.ค.2552 ที่ผ่านมา ขณะพานักท่องเที่ยวต่างชาติและลูกเรือกลับจากดำน้ำดูปะการังที่เกาะสิมิลัน จ.พังงา มุ่งหน้าไปท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง อ.เมืองภูเก็ต มีผู้รอดชีวิต 23 ราย สูญหายไม่ทราบชะตากรรม 7 ราย ซึ่งตำรวจน้ำร่วมกับทหารจากกองทัพเรือภาค 3 ระดมกำลังออกค้นหาอย่างเร่งด่วน กระทั่งตอนสายวันที่ 10 มี.ค. ที่ผ่านมา พบศพสาวชาวต่างชาติ ลอยอืดกลางทะเลห่างจุดเรือล่มราว 3 ไมล์ทะเล คาดว่าเป็นนางเจ็ตซิงเกอร์ กาเบรียล ชาวออสเตรียนั้น
ความคืบหน้าการค้นหานักท่องเที่ยวต่างชาติ 5 คน และกุ๊กชาวไทยอีก 1 คน ที่สูญหายจากเหตุเรือล่ม เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 11 มี.ค. พ.ต.ท.ประเสริฐ ศรีนพรัตน์ รอง ผกก. 8 บก.รน. สั่งการให้ พ.ต.ท.ปัญญา ชัยชนะ ผบ. เรือ ต.814 (คุณพุ่ม) นำเรือพร้อมหน่วยกู้ภัยมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ตไปยังจุดเกิดเหตุ และประสานไดมาสเตอร์ หรือนักดำน้ำระดับสูงของบริษัท ไดว์เอเซีย จำกัด เจ้าของเรือโชคสมบูรณ์ 19 เพื่อลงค้นหาผู้สูญหายที่เหลืออีก 6 คน ซึ่งคาดว่าติดอยู่กับซากเรือ หลังได้พิกัดหรือจุดเรือจมที่แน่นอนจากเครื่องโซน่าร์ประจำเรือหลวงพฤหัส กองทัพเรือ ตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 10 มี.ค. ที่ผ่านมา ระบุว่า ขณะนี้เรือโชคสมบูรณ์ 19 จมอยู่ที่พิกัดละติจูด 7 องศา 53.372 ลิปดาเหนือ ลองจิจูด 98 องศา 10.492 ลิปดาตะวันออก ในความลึก 70 เมตร
จากนั้นนักประดาน้ำของบริษัทเป็นชาวต่างชาติจำนวน 6 คน แบ่งเป็น 2 ทีม ทีมละ 3 คน ได้เริ่มลงค้นหาเมื่อเวลา 14.00 น. โดยการดำค้นหาแต่ละครั้งสามารถอยู่ในความลึก 70 เมตร ทำได้เพียงไม่เกิน 20 นาที แต่จะมีการปรับตัวในทะเลลึกทุกๆ 10 เมตร โดยรวมแล้วจะอยู่ในทะเลได้ไม่เกิน 1 ชม. ซึ่งถังดำน้ำจะมีการบรรจุออกซิเจน ไนโตรเจนและก๊าซฮีเลียม ซึ่งจะใช้กรณีดำน้ำลึกเกินกว่า 30 เมตร ปรากฏว่าการค้นหาเป็นไปด้วยความยากลำบาก ใต้น้ำลึกมีกระแสน้ำแรง กระทั่งเวลา 15.30 น. พบศพติดอยู่ในซากเรือ 4 ศพ ส่วนอีก 2 ศพ ยังหาไม่พบ คาดว่าอาจถูกกระแสน้ำพัดหลุดไปจากซากเรือ หรืออาจติดอยู่ตามห้องพักในซากเรือ แต่นักประดาน้ำยังไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้
พ.ต.ท.ประเสริฐ ศรีคุณรัตน์ รอง ผกก.8 บก.รน. กล่าวว่า ขณะนี้นักประดาน้ำของบริษัท ไดว์เอเซีย จำกัดเจ้าของเรือโชคสมบูรณ์ 19 สามารถค้นหาศพผู้เสียชีวิตที่ติดอยู่ตามซากเรือทั้ง 2 จุดแล้วจำนวน 4 ศพ ส่วนอีก 2 ศพ คาดว่าอาจถูกกระแสน้ำพัดพาหลุดออกไปจากซากเรือ หรือไม่อาจติดอยู่ตามโครงเรือ แต่นักประดาน้ำยังค้นหาไม่พบ เนื่องจากนักประดาน้ำมีเวลาค้นหาหรือทำงานค่อนข้างน้อยมาก เพราะน้ำมีความลึกถึง 70 เมตร จึงใช้เวลาในการทำงานได้เพียงไม่เกิน 20 นาทีต่อการดำแต่ละครั้ง ส่วนสาเหตุที่ยังไม่มีการกู้ศพขึ้นมานั้น เนื่องจากนักประดาน้ำเริ่มอ่อนเพลีย จึงจำเป็นต้องยกเลิกการค้นหา โดยได้มีการวางแผนในการกู้ศพทั้ง 4 ศพ ขึ้นฝั่งในช่วงสายวันที่ 12 มี.ค.นี้ อย่างแน่นอน ถือว่านักประดาน้ำประสบความสำเร็จในการค้นหาผู้เสียชีวิตในระดับหนึ่งแล้ว ได้รายงานให้ ผบก.รน. และ ผวจ.ภูเก็ตทราบแล้ว เพื่อจะมีการประสานงานไปยังสถานทูตต่างๆทราบ
ส่วนนายโอฬาร เฮงเจริญ ขนส่งทางน้ำภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต กล่าวถึงกรณีนักท่องเที่ยวและลูกเรือโชคสมบูรณ์ 19 ไม่สวมเสื้อชูชีพว่า เนื่องจากเรือลำดังกล่าวเป็นเรือขนาดใหญ่และเพิ่งจดทะเบียนเมื่อประมาณเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งจากการตรวจสอบอุปกรณ์ช่วยชีวิตบนเรือมีถูกต้องและครบตามที่ได้กำหนด ทั้งเสื้อชูชีพ แพช่วยชีวิตมีเกินกว่าจำนวนน้ำหนักผู้โดยสารที่เขียนไว้ข้างเรือ จากการตรวจสอบจำนวนผู้โดยสารในเรือลำดังกล่าวไม่เกินน้ำหนัก หรือจำนวนที่ระบุไว้อย่างแน่นอน ส่วนสาเหตุของอุบัติเหตุในครั้งนี้เกิดจากถูกคลื่นขนาดใหญ่ซัดเข้าใส่ ตัวเรือในช่วงที่มีพายุฝนค่อนข้างแรง ประกอบกับเป็นช่วงกลางคืน ดังนั้น นักท่องเที่ยวและผู้โดยสารทั้งหมดอยู่ระหว่างการพักผ่อนนอนหลับ ทำให้ไม่มีการสวมใส่ เสื้อชูชีพ และเป็นเวลากะทันหันเกิดอย่างรวดเร็ว เป็นไปได้ ว่ากัปตันเรือแจ้งเตือนให้ผู้โดยสารสวมเสื้อชูชีพแล้ว แต่ไม่ทัน ส่วนผู้ที่รอดชีวิตมาได้นั้น เนื่องจากหลังจากเรือจมแล้วสามารถที่จะว่ายน้ำมาขึ้นแพช่วยชีวิตที่ดีดตัวออกจากที่เก็บไว้ทางด้านข้างโดยอัตโนมัติ เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้น ทำให้มีผู้รอดชีวิตเป็นจำนวนมาก ดังนั้น จึงไม่ติดใจในเรื่องของการไม่สวมเสื้อชูชีพด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น
ตอนสายวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ประจำกงสุลกิตติมศักดิ์ออสเตรียประจำ จ.ภูเก็ต ได้นำสามีและลูกสาวของนางเจ็ตซิงเกอร์ กาเบรียล อายุ 52 ปี ชาวออสเตรีย 1 ใน 7 นักท่องเที่ยวที่สูญหายไปจากเหตุเรือล่ม ไปดูศพนักท่องเที่ยวสาวชาวต่างชาติที่พบกลางทะเลที่ห้องเก็บศพ รพ.วชิระภูเก็ต ซึ่งสามีและลูกสาวยืนยันว่าเป็นศพของนางเจ็ตซิงเกอร์ และจำแหวนแต่งงานกับนาฬิกาที่ผู้ตายสวมใส่ได้ จากนั้นได้เข้าพบ ร.ต.ท.ภัทรพล ปัทมวงศ์ รอง สว.สส.สภ.เมืองภูเก็ต เพื่อขอให้พนักงานสอบสวนรับรองการออกใบมรณะบัตรและรับศพไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนา นอกจากนี้ ในช่วงเย็นวันเดียวกันเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยจะนำบิดาของนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น 1 ใน 7 ที่สูญหายเดินทางมาที่ จ.ภูเก็ต เพื่อติดตามความคืบหน้าในการค้นหาร่างบุตรชาย
ด้าน น.ส.นงนิตย์ เต็งมณีวรรณ ผช.ผอ.ททท.ภูเก็ต กล่าวว่า ในส่วนการให้ความช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ประสบอุบัติเหตุเรือล่มครั้งนี้ ทาง ททท.ภูเก็ต ได้ดำเนินการประสานไปตามกงสุล และสถานทูตประจำประเทศที่นักท่องเที่ยวถือสัญชาติอยู่ เช่น ญี่ปุ่น ออสเตรีย และสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งปรากฏว่าผู้เสียชีวิตรายแรกเป็นทันตแพทย์หญิง โดยสามีเป็นทันตแพทย์อยู่ที่ประเทศออสเตรียเช่นเดียวกัน โดยสามีและลูกสาวมีความประสงค์จะจัดพิธีศพที่ จ.ภูเก็ตตามประเพณีไทย เพื่อนำอัฐิกลับมาตุภูมิ ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดต่อวัดที่จะใช้เป็นสถานที่ฌาปนกิจ โดยทาง ททท. ภูเก็ตจะร่วมเป็นเจ้าภาพในการจัดพิธี เพื่อเป็นการแสดงความอาลัยต่อการสูญเสีย ส่วนผู้เสียชีวิตที่เป็นชาวญี่ปุ่น ทาง ททท.ภูเก็ต ได้รับการประสานงานจากญาติจะมีการนำตัวอย่างดีเอ็นเอของบิดามารอเปรียบเทียบกับผู้เสียชีวิตเมื่อพบศพ
ความคืบหน้าการค้นหานักท่องเที่ยวต่างชาติ 5 คน และกุ๊กชาวไทยอีก 1 คน ที่สูญหายจากเหตุเรือล่ม เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 11 มี.ค. พ.ต.ท.ประเสริฐ ศรีนพรัตน์ รอง ผกก. 8 บก.รน. สั่งการให้ พ.ต.ท.ปัญญา ชัยชนะ ผบ. เรือ ต.814 (คุณพุ่ม) นำเรือพร้อมหน่วยกู้ภัยมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ตไปยังจุดเกิดเหตุ และประสานไดมาสเตอร์ หรือนักดำน้ำระดับสูงของบริษัท ไดว์เอเซีย จำกัด เจ้าของเรือโชคสมบูรณ์ 19 เพื่อลงค้นหาผู้สูญหายที่เหลืออีก 6 คน ซึ่งคาดว่าติดอยู่กับซากเรือ หลังได้พิกัดหรือจุดเรือจมที่แน่นอนจากเครื่องโซน่าร์ประจำเรือหลวงพฤหัส กองทัพเรือ ตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 10 มี.ค. ที่ผ่านมา ระบุว่า ขณะนี้เรือโชคสมบูรณ์ 19 จมอยู่ที่พิกัดละติจูด 7 องศา 53.372 ลิปดาเหนือ ลองจิจูด 98 องศา 10.492 ลิปดาตะวันออก ในความลึก 70 เมตร
จากนั้นนักประดาน้ำของบริษัทเป็นชาวต่างชาติจำนวน 6 คน แบ่งเป็น 2 ทีม ทีมละ 3 คน ได้เริ่มลงค้นหาเมื่อเวลา 14.00 น. โดยการดำค้นหาแต่ละครั้งสามารถอยู่ในความลึก 70 เมตร ทำได้เพียงไม่เกิน 20 นาที แต่จะมีการปรับตัวในทะเลลึกทุกๆ 10 เมตร โดยรวมแล้วจะอยู่ในทะเลได้ไม่เกิน 1 ชม. ซึ่งถังดำน้ำจะมีการบรรจุออกซิเจน ไนโตรเจนและก๊าซฮีเลียม ซึ่งจะใช้กรณีดำน้ำลึกเกินกว่า 30 เมตร ปรากฏว่าการค้นหาเป็นไปด้วยความยากลำบาก ใต้น้ำลึกมีกระแสน้ำแรง กระทั่งเวลา 15.30 น. พบศพติดอยู่ในซากเรือ 4 ศพ ส่วนอีก 2 ศพ ยังหาไม่พบ คาดว่าอาจถูกกระแสน้ำพัดหลุดไปจากซากเรือ หรืออาจติดอยู่ตามห้องพักในซากเรือ แต่นักประดาน้ำยังไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้
พ.ต.ท.ประเสริฐ ศรีคุณรัตน์ รอง ผกก.8 บก.รน. กล่าวว่า ขณะนี้นักประดาน้ำของบริษัท ไดว์เอเซีย จำกัดเจ้าของเรือโชคสมบูรณ์ 19 สามารถค้นหาศพผู้เสียชีวิตที่ติดอยู่ตามซากเรือทั้ง 2 จุดแล้วจำนวน 4 ศพ ส่วนอีก 2 ศพ คาดว่าอาจถูกกระแสน้ำพัดพาหลุดออกไปจากซากเรือ หรือไม่อาจติดอยู่ตามโครงเรือ แต่นักประดาน้ำยังค้นหาไม่พบ เนื่องจากนักประดาน้ำมีเวลาค้นหาหรือทำงานค่อนข้างน้อยมาก เพราะน้ำมีความลึกถึง 70 เมตร จึงใช้เวลาในการทำงานได้เพียงไม่เกิน 20 นาทีต่อการดำแต่ละครั้ง ส่วนสาเหตุที่ยังไม่มีการกู้ศพขึ้นมานั้น เนื่องจากนักประดาน้ำเริ่มอ่อนเพลีย จึงจำเป็นต้องยกเลิกการค้นหา โดยได้มีการวางแผนในการกู้ศพทั้ง 4 ศพ ขึ้นฝั่งในช่วงสายวันที่ 12 มี.ค.นี้ อย่างแน่นอน ถือว่านักประดาน้ำประสบความสำเร็จในการค้นหาผู้เสียชีวิตในระดับหนึ่งแล้ว ได้รายงานให้ ผบก.รน. และ ผวจ.ภูเก็ตทราบแล้ว เพื่อจะมีการประสานงานไปยังสถานทูตต่างๆทราบ
ส่วนนายโอฬาร เฮงเจริญ ขนส่งทางน้ำภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต กล่าวถึงกรณีนักท่องเที่ยวและลูกเรือโชคสมบูรณ์ 19 ไม่สวมเสื้อชูชีพว่า เนื่องจากเรือลำดังกล่าวเป็นเรือขนาดใหญ่และเพิ่งจดทะเบียนเมื่อประมาณเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งจากการตรวจสอบอุปกรณ์ช่วยชีวิตบนเรือมีถูกต้องและครบตามที่ได้กำหนด ทั้งเสื้อชูชีพ แพช่วยชีวิตมีเกินกว่าจำนวนน้ำหนักผู้โดยสารที่เขียนไว้ข้างเรือ จากการตรวจสอบจำนวนผู้โดยสารในเรือลำดังกล่าวไม่เกินน้ำหนัก หรือจำนวนที่ระบุไว้อย่างแน่นอน ส่วนสาเหตุของอุบัติเหตุในครั้งนี้เกิดจากถูกคลื่นขนาดใหญ่ซัดเข้าใส่ ตัวเรือในช่วงที่มีพายุฝนค่อนข้างแรง ประกอบกับเป็นช่วงกลางคืน ดังนั้น นักท่องเที่ยวและผู้โดยสารทั้งหมดอยู่ระหว่างการพักผ่อนนอนหลับ ทำให้ไม่มีการสวมใส่ เสื้อชูชีพ และเป็นเวลากะทันหันเกิดอย่างรวดเร็ว เป็นไปได้ ว่ากัปตันเรือแจ้งเตือนให้ผู้โดยสารสวมเสื้อชูชีพแล้ว แต่ไม่ทัน ส่วนผู้ที่รอดชีวิตมาได้นั้น เนื่องจากหลังจากเรือจมแล้วสามารถที่จะว่ายน้ำมาขึ้นแพช่วยชีวิตที่ดีดตัวออกจากที่เก็บไว้ทางด้านข้างโดยอัตโนมัติ เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้น ทำให้มีผู้รอดชีวิตเป็นจำนวนมาก ดังนั้น จึงไม่ติดใจในเรื่องของการไม่สวมเสื้อชูชีพด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น
ตอนสายวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ประจำกงสุลกิตติมศักดิ์ออสเตรียประจำ จ.ภูเก็ต ได้นำสามีและลูกสาวของนางเจ็ตซิงเกอร์ กาเบรียล อายุ 52 ปี ชาวออสเตรีย 1 ใน 7 นักท่องเที่ยวที่สูญหายไปจากเหตุเรือล่ม ไปดูศพนักท่องเที่ยวสาวชาวต่างชาติที่พบกลางทะเลที่ห้องเก็บศพ รพ.วชิระภูเก็ต ซึ่งสามีและลูกสาวยืนยันว่าเป็นศพของนางเจ็ตซิงเกอร์ และจำแหวนแต่งงานกับนาฬิกาที่ผู้ตายสวมใส่ได้ จากนั้นได้เข้าพบ ร.ต.ท.ภัทรพล ปัทมวงศ์ รอง สว.สส.สภ.เมืองภูเก็ต เพื่อขอให้พนักงานสอบสวนรับรองการออกใบมรณะบัตรและรับศพไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนา นอกจากนี้ ในช่วงเย็นวันเดียวกันเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยจะนำบิดาของนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น 1 ใน 7 ที่สูญหายเดินทางมาที่ จ.ภูเก็ต เพื่อติดตามความคืบหน้าในการค้นหาร่างบุตรชาย
ด้าน น.ส.นงนิตย์ เต็งมณีวรรณ ผช.ผอ.ททท.ภูเก็ต กล่าวว่า ในส่วนการให้ความช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ประสบอุบัติเหตุเรือล่มครั้งนี้ ทาง ททท.ภูเก็ต ได้ดำเนินการประสานไปตามกงสุล และสถานทูตประจำประเทศที่นักท่องเที่ยวถือสัญชาติอยู่ เช่น ญี่ปุ่น ออสเตรีย และสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งปรากฏว่าผู้เสียชีวิตรายแรกเป็นทันตแพทย์หญิง โดยสามีเป็นทันตแพทย์อยู่ที่ประเทศออสเตรียเช่นเดียวกัน โดยสามีและลูกสาวมีความประสงค์จะจัดพิธีศพที่ จ.ภูเก็ตตามประเพณีไทย เพื่อนำอัฐิกลับมาตุภูมิ ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดต่อวัดที่จะใช้เป็นสถานที่ฌาปนกิจ โดยทาง ททท. ภูเก็ตจะร่วมเป็นเจ้าภาพในการจัดพิธี เพื่อเป็นการแสดงความอาลัยต่อการสูญเสีย ส่วนผู้เสียชีวิตที่เป็นชาวญี่ปุ่น ทาง ททท.ภูเก็ต ได้รับการประสานงานจากญาติจะมีการนำตัวอย่างดีเอ็นเอของบิดามารอเปรียบเทียบกับผู้เสียชีวิตเมื่อพบศพ
ที่มา: นสพ.ไทยรัฐ ปีที่ 60 ฉบับที่ 18678 วันพฤหัสบดี ที่ 12 มีนาคม 2552
http://www.thairath.co.th/offline.php?section=hotnews&content=127411
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น